Friday, March 21, 2014

"น้ำขวดพลาสติก" ภัยเงียบที่มากับหน้าร้อน

           ช่วงเดือนเมษายนเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย อากาศที่ค่อนข้างร้อนทำให้คนเราเสียเหงื่อมาก จึงต้องการน้ำมากกว่าปกติ น้ำดื่มส่วนใหญ่ที่เราใช้ดื่มกันก็มากจากน้ำขวดพลาสติกที่หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป บางทีก็ได้น้ำจากตู้น้ำหยอดเหรียญทั่วไป ซึ่งการนำขวดพลาสติกมาใช้ซ้ำเสี่ยงอันตรายจากการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียมาก หากจำเป็นต้องใช้ควรมีการทำความสะอาดที่ถูกวิธี และหมั่นสังเกตลักษณะของขวด หากมีรอยชำรุด รั่ว แตกร้าว บุบ ไม่ควรนำมาใช้ อย่างไรก็ตาม เราควรดื่มน้ำที่สะอาดเท่านั้น เพื่อไม่ก่อให้เกิดโรคที่เกิดจากน้ำเป็นสื่อตามมา 

 


  คนส่วนใหญ่ชอบที่จะนำนำขวดพลาสติกเปล่าที่ผ่านการใช้งานแล้วมาใส่น้ำไว้สำหรับดื่มหรือใช้ในครัวเรือน ซึ่งในบางครั้งไม่ได้ผ่านการทำความสะอาดที่ถูกวิธี โดยเฉพาะบริเวณ ปากขวดและฝาขวดที่เกิดจากการใช้ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้ขวดน้ำกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่มัก พบมากในน้ำบรรจุขวดพลาสติกที่มีการเติมน้ำซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง ซึ่งผลจากการเก็บน้ำดื่มบรรจุขวดโดยกรมอนามัย ปี 2555 เพื่อตรวจสอบ จำนวน 131 ตัวอย่าง พบมีการปนเปื้อนเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย จำนวน 85 ตัวอย่าง คิดเป็น ร้อยละ 65 ประชาชนจึงควรให้ความสำคัญโดยเฉพาะสารเคมีที่เป็นอันตรายจากพลาสติก เพราะการขัดถูเพื่อล้างทำความสะอาดขวดน้ำ อาจทำให้เกิดรอยขูดขีดหรือการบุบชำรุดของขวดที่เกิดจากการนำมาใช้ซ้ำ หรือหากขวดน้ำตั้งอยู่ในบริเวณที่มีความร้อนหรือได้รับแสงแดดอาจทำให้สาร เคมีจากขวดพลาสติกปนเปื้อนลงในน้ำที่อยู่ในขวดได้ แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องนำขวดพลาสติกเก่ามาใช้ก็ควรทำความสะอาดให้ทั่วถึงและ ต้องสังเกตลักษณะของขวด หากมีรอยชำรุด รั่ว แตกร้าว บุบ ก็ไม่ควรนำมาใช้ หรือหากเป็นขวดที่มีการปนเปื้อนดินก็ควรหลีกเลี่ยงในการนำมาใช้ซ้ำเช่นกัน

           ดร.นพ.พร เทพ ได้กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือความสะอาดปลอดภัยของน้ำดื่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ทุรกันดารที่ขาดแคลนน้ำสะอาด ก่อนนำมาดื่มควรต้มให้เดือดอย่างน้อย 5 นาที เก็บในภาชนะที่สะอาด มีฝาปิดมิดชิด ส่วนการนำน้ำจากแม้น้ำ ลำคลอง หรือแหล่งน้ำผิวดินแหล่งอื่น ๆ มาใช้โดยตรง ควรปรับปรุงคุณภาพน้ำและ ฆ่าเชื้อโรคก่อน ด้วยการแกว่งสารส้มชนิดก้อนในน้ำและให้สังเกตตะกอนในน้ำ หากเริ่มจับตัวให้นำสารส้มออกตั้งทิ้งไว้ จนตกตะกอน แล้วนำเฉพาะน้ำใสมาฆ่าเชื้อโรคโดยใช้หยดทิพย์ อ.32 ของกรมอนามัย ซึ่งเป็นสารละลายคลอรีนชนิดเข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์ ในอัตราส่วน 1 หยดต่อน้ำ 1 ลิตร หรือเติมผงปูนคลอรีนตามปริมาณที่กำหนด จากนั้นปล่อยให้มีระยะเวลาฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อย 30 นาที ก่อนนำไปใช้ ซึ่งจะช่วยป้องกันเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในน้ำ และไม่ก่อให้เกิดโรคที่เกิดจากน้ำเป็นสื่อตามมาได้

        "สำหรับการเลือกซื้อน้ำแข็งเพื่อดับร้อนนั้น ให้สังเกตลักษณะของน้ำแข็งจะต้องใส สะอาด บรรจุในซองพลาสติกหรือถุงพลาสติกที่ปิดผนึกเรียบร้อย มีเครื่องหมาย อย. รับรองอย่างถูกต้อง ซึ่งร้านอาหารหรือแผงลอยต้องเก็บน้ำแข็งในภาชนะที่สะอาด มีฝาปิด ไม่เป็นสนิม และตั้งสูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร ห้ามนำอาหารหรือเครื่องดื่มมาแช่ในน้ำแข็งที่ใช้บริโภค เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรคและสิ่งสกปรก” 

 

No comments:

Post a Comment